ความรู้สำหรับ ผู้เริ่มต้นเลี้ยงแมว




เริ่มต้นเลี้ยงแมว ต้องทำยังไงบ้างนะ?


แมวเป็นสัตว์เลี้ยงที่คนนิยมเลี้ยงเพราะแมวมีความน่ารัก เป็นสัตว์ที่มีเอกลักษณ์ในตัวของมันเอง
การเลี้ยงแมว ถึงแมวจะเป็นสัตว์เลี้ยงที่รักในอิสระ สามารถดูแลตัวเองได้ แต่การที่ผู้เลี้ยงต้องการจะเลี้ยงดูแมวให้แมวมีสุขภาพที่แข็งแรง ผู้เลี้ยงจะต้องมีความรู้ใจการดูแลแมวเบื้องต้น ทั้งการเรียนรู้อุปนิสัยและพฤติกรรมต่างๆของแมว การดูแลเรื่องสุขภาพ อาหารการกิน เพราะแมวแต่ละสายพันธุ์จะมีลักษณะนิสัยและพฤติกรรมต่างกัน ผู้เลี้ยงจึงต้องเริ่มศึกษาวิธีการเลี้ยงแมวจากเรื่องต่างๆดังนี้



ขอบคุณรูปภาพจาก http://time.com/4714823/cats-very-social-study/



1. เรียนรู้ลักษณะนิสัย และพฤติกรรมของแมว

การเรียนรู้ลักษณะนิสัยของแมวที่ดีคือการปรับเปลี่ยนนิสัยหรือพฤติกรรมที่ควรฝึก เช่น ลูกแมวที่นำมาเลี้ยงใหม่จะมีนิสัยกลัวผู้คน ไม่กล้าสุงสิงกับคนเช่น การขู่และพองขนใส่เมื่อมีคนเข้ามาใกล้ ขับถ่ายไม่เป็นระบบ และเล่นซนจนข้าวของเสียหาย ผู้เลี้ยงจะต้องศึกษาวิธีให้แมวมีความเชื่อใจและคุ้นเคยกับผู้เลี้ยงด้วยวีธีการต่างๆที่เหมาะสมกับแมวของตนเอง ซึ่งแมวแต่ละสายพันธุ์ก็จะมีพฤติกรรมที่แตกต่างกัน เช่นแมวไทยที่คนไทยนิยมนำมาเลี้ยงในบ้านให้จับหนูที่เข้ามากัดทำลายข้าวของ แต่ถึงจะมีประโยชน์ต่อผู้เลี้ยง พฤติกรรมเหล่านี้ก็อาจทำให้ข้าวของในบ้านเสียหายได้ ผู้เลี้ยงจึงต้องศึกษาลักษณะนิสัยและพฤติกรรมของแมวเพื่อฝึกฝน และดูแลอย่างใกล้ชิดเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมแมวที่ไม่เหมาะสมได้


2. เรียนรู้อาการเจ็บป่วยของแมว

แมวที่มีอาการเจ็บป่วยไม่มาก ผู้เลี้ยงอาจไม่ได้สังเกตว่าแมวนั้นป่วย จึงต้องเรียนรู้อาการเจ็บป่วยด้วยการสังเกตพฤติกรรมอย่างใกล้ชิดว่ามีพฤติกรรมอะไรที่เปลี่ยนไปบ้าง เช่น กินอาหารน้อยลง ไม่สนใจที่จะกินอาหาร อาเจียน การขับถ่ายไม่เหมือนปกติ


3. เรียนรู้การดูแลสุขภาพของแมว

แมวทุกตัวควรได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคตามตาราง เช่น แมวอายุ 8 สัปดาห์ ต้องได้รับวัคซีนป้องกันโรคหัดแมว โรคหวัดติดต่อและโรคหลอดลมอักเสบ แมวอายุ 9 สัปดาห์ต้องได้รับวัคซีนป้องกันโรคลิวคีเมีย แมวอายุ 11-12 สัปดาห์ ต้องได้รับวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า แมวอายุ 12 สัปดาห์ต้องได้รับวัคซีนต้องได้รับวัคซีนป้องกันโรคหัดแมว โรคหวัดติดต่อและโรคหลอดลมอักเสบซ้ำ รวมทั้งวัคซีนป้องกันโรคลิวคีเมียซ้ำ แมวอายุ 1 ปี ต้องได้รับวัคซีนรวมป้องกันทุกโรค นอกจากนี้ยังต้องดูแลสุขภาพของแมวในเรื่องการกินอาหารที่ถูกต้องตามวัยของแมว ประเภทของอาหารแมวที่แมวควรได้รับต่อวัน และนอกจากนี้แมวยังต้องการน้ำสะอาดในทุกๆวันอีกด้วย

ที่มา : http://www.cattrips.com/การเลี้ยงแมว/




ภาษาของแมว

เราจะทราบได้อย่าไรว่าแมวต้องการจะสื่อสารอะไรกับเรา ? การสื่อสารของแมวเป็นสิ่งที่ผู้เลี้ยงควรสังเกตด้วยตัวเอง ดังนี้
แมวใช้การสื่อสารกับแมวด้วยกันหลากหลายวิธี เช่น การใช้กลิ่น ใช้เสียง และใช้ท่าทางในการสื่อสารเมื่อแมวมีอายุได้ 3 ถึง 4 สัปดาห์


ขอบคุณรูปภาพจาก http://wallpaperweb.org/wallpaper/animals/frisky-kitty_54695.html


การใช้กลิ่นของแมวได้แก่กลิ่นข้างต่อมปัสสาวะ กลิ่นเหงื่อ และต่อตามตัวที่อยู่ใต้ผิวหนัง บริเวณแก้ม คาง เท้า และโคนหาง กลิ่นเหล่านี้ทำให้แมวใช้จำแนกว่าตัวใดเป็นตัวใด ใช้บอกขอบเขตพื้นที่ที่แมวอาศัยอยู่ ซึ่งแมวจะมีการทักทายต่อกันคือการใช้จมูกมาชนกัน สูดดมซึ่งกันและกัน การถูแมวตัวอื่นด้วยการใช้หัว คาง สีข้างแก้ม ตลอดจนการใช้ลำตัวสัมผัสกับแมวตัวอื่นด้วย

พฤติกรรมอื่นๆของแมว เช่น การหาว เป็นการสื่อสารว่ามันกำลังสบายๆ ไม่ใช่เกิดจากการง่วงนอนแบบคนเรา ส่วนเสียงร้องเหมียวๆของแมวนั้น เป็นการบ่งบอกว่าไม่พอใจ ไม่มีความสุข เช่นลูกแมวที่ถูกทิ้งตามลำพังจะส่งเสียงร้อง แมวที่กำลังอยู่ในช่วงฤดูผสมพันธุ์จะใช้เสียงร้องเรียกคู่ของมัน โดยเฉพาะแมวตัวผู้จะร้องเสียงดังมากกว่าแมวตัวเมีย

ที่มา : http://www.farmthaionline.com/Article.aspx?Article=%C0%D2%C9%D2%E1%C1%C7&ATID=5&AID=44



กริยาท่าทางของแมว


ขอบคุณรูปภาพจาก https://www.boredpanda.com/angry-cat-photo-reaction-neutered-snipped-milo/


การแสดงออกของแมวทุกท่าทางล้วนมีความหมายที่ต้องการจะสื่อสารถึงผู้เลี้ยงและแมวด้วยกันให้เข้าใจต่อกันได้ ไม่ว่าจะเป็นการแสดงออกที่ใบหน้า ลำตัว หู หรือหาง

หู  :  เป็นจุดที่มีสัมผัสที่ไวมาก  หากหูยกยื่นไปข้างหลัง  เป็นการเตือนที่จะจู่โจมศัตรู  แต่ถ้าในกรณีที่หูโค้งกลับและถูกดึงให้ต่ำลงข้าง ๆ เป็นสัญญาณของการป้องกันตัวและพร้อมที่จะต่อสู้
หนวด  :  ให้ดูจากตำแหน่งการกระจายของหนวด  ถ้าหากหนวดแผ่ออก  เป็นสัญญานว่าแมวกำลังเครียดหรือกำลังสนใจอะไรบางอย่าง  แต่ถ้าหนวดดูลาดและรวบไว้ข้างแก้มแมวจะอยู่ในอารมณ์ที่สงวนท่าทีหรืออาย  และถ้าหนวดไปอยู่ด้านหลังเป็นพุ่ม  แสดงถึงความสบายใจ
ลูกตาดำ  :  ม่านตาสีดำที่หดเล็กลงจะแสดงถึงความตึงเครียดหรือสนใจอะไรอย่างหนึ่งอย่างใดมาก เป็นพิเศษ  ในกรณีที่ม่านตาเปิดกว้าง  แสดงถึงความประหลาดใจ  กลัวหรือเตรียมพร้อมเพื่อป้องกันตัว
ม่านตาที่เปิดกว้าง บ่งบอกถึงความประหลาดใจ กลัว หรือเตรียมพร้อมป้องกันตัว
ขอบคุณรูปภาพจาก https://www.boredpanda.com/angry-cats/

หัว  :  เมื่อแมวสองตัวที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนและมาเผชิญหน้าจะติดต่อทำความรู้จักกัน  โดยการยึดหัวที่ตั้งตรงไปข้างหน้า  และเมื่อตัวใดตัวหนึ่งรู้สึกเด่นกว่าจะเชิดหัวสูงขึ้นไปอีก  ส่วนตัวที่รู้สึกตัวว่าด้อยกว่าจะก้มหัวต่ำลง
ลำตัว  :  ถ้าแมวแสดงอาการลำตัวยืดตรง  คือการแสดงถึงความมั่นใจและพร้อมที่จะจู่โจมศัตรู  แต่ในกรณีที่ลำตัวโค้งงอหรือหลังโก่งแสดงถึงว่าแมวกลัวและพร้อมที่จะจู่โจมได้ ทันที
ขน  :  เมื่อแมวอยู่ในสภาวะที่กำลังกลัวและเครียด ขนจะตั้งชันทั้งลำตัว  ในกรณีที่ขู่หรือเตรียมตะปบเหยื่อ  ขนจะตั้งขึ้นเพียงเล็กน้อยตามส่วนที่ยื่นออกมาจากลำตัวและหาง
แมวที่กำลังกลัว จะมีลักษณะขนตั้งชันทั้งลำตัว
ขอบคุณรูปภาพจาก http://emanoel-ajudandovc.blogspot.com/2011/11/por-que-temos-arrepios-e-calafrios.html

หาง  :  หางเป็นเครื่องบ่งบอกอารมณ์ของแมวได้เป็นอย่างดี  ถ้าหางเคลื่อนไหวเป็นเคลื่อนและสะบัดจากทางหนึ่งไปยังอีกทางหนึ่งแสดงถึง ความรู้สึกตื่นเต้นมาก ๆ เมื่อแมวต้องการแสดงความเป็นมิตรหรือยินดีต้อนรับแมวตัวอื่นแมวจะยกหางขึ้น และจะเข้าไปดมก้นของอีกตัวหนึ่ง  แต่ถ้าแมวสะบัดหางขึ้นอย่างรวดเร็วแสดงถึงการขู่และพร้อมที่จะจู่โจม

ที่มา:http://www.farmthaionline.com/Article.aspx?Article=%A1%C3%D4%C2%D2%B7%E8%D2%B7%D2%A7&ATID=5&AID=45



เป็นยังไงกันบ้างกับวิธีการรู้จักกับแมวมากขึ้น ถ้าหากมีเวลาอยากให้ผู้เริ่มต้นเป็นทาสแมว ลองสังเกตเจ้านายของคุณว่าอารมณ์เป็นยังไงบ้าง ลักษณะท่าทางตรงกับที่บอกหรือเปล่า คอมเม้นท์กันมานะจ๊ะ



























ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น