Review หนังสือ Advanced Thailand Geographic







แอดวานซ์ไทยแลนด์จีโอกราฟฟิค เป็นนิตยสารรายเดือน ที่เสนอสาระและความบันเทิงเพลิดเพลิน ด้านการท่องเที่ยวในเชิงอนุรักษ์ , ความเข้าใจใจธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม , ความหลากหลายทางชีวภาพและศิลปวัฒนธรรม ตลอดจนวีถีชีวิตของผู้คนในแง่มุมที่น่าสนใจ

เรื่อง โดย สุเจน กรรพฤทธิ์
ภาพ โดย เจษฎา กมลเนตรสวัสดิ์
คอลัมน์"แมวไทย" จาก แอดวานซ์ไทยแลนด์จีโอกราฟฟิค ฉบับที่ 75 พ.ศ.2547

หน้าปกหนังสือ แอดวานซ์ไทยแลนด์จีโอกราฟฟิค 


วันนี้ผู้เขียนจึงขอนำเสนอหนังสือนิตยสารรายเดือน แอดวานซ์ไทยแลนด์จีโอกราฟฟิค สาเหตุที่เลือกหนังสือเล่มนี้เป็นเพราะมีคอลัมน์ต่างๆที่เกี่ยวกับสัตว์โลกและสิ่งแวดล้อม และแน่นอนว่ายังมีคอลัมน์ที่เกี่ยวกับแมว เพื่อให้ความรู้เรื่องแมวกับมือใหม่หัดเป็นทาสแมว ได้รู้จักแมวไทยมากขึ้นอีกด้วย



คอลัมน์นี้ชื่อว่า "แมวไทย"

คอลัมน์นี้แบ่งออกเป็น 6 ส่วนใหญ่ๆ

ส่วนที่ 1 คือเกริ่นนำเรื่องเกี่ยวกับแมวไทย ประวัติแมวไทย


ผู้เขียนคอลัมน์นี้เพราะเขาได้กลับไปต่างจังหวัดเพื่อพบกับคุณย่าของเขา คุณย่าเลี้ยงแมวอยู่หนึ่งตัว เขาเชื่อว่ามันเป็น แมวสีสวาด ที่มีชื่อเสียงโด่งดังของไทย จากโคราช แต่ต่อมาถึงรู้ว่าเขาจำชนิดของแมวผิด จริงๆแล้วนั่นคือ แมววิเชียรมาศ เขาจึงคิดว่าจริงๆแล้วเขารู้จักกับสายพันธุ์แมวไทยน้อยมาก...

ในตอนต้นของคอลัมน์ได้พูดถึง "ประวัติความเป็นมาของแมวไทย"
พูดถึงสมมุติฐานที่ว่าแมวมาจากอิยิปต์ที่ติดมากับเรือสินค้าเมื่อหลายพันปีก่อนคริสตกาล และแพร่พันธุ์ไปจนเป็นแมวไทยหลายสี นอกจากพูดถึงประวัติของแมวไทยแล้ว ยังพูดถึง "ความเชื่อของคนไทยเกี่ยวกับแมวแต่ละสายพันธุ์" ที่เรียกว่า "ตำราดูลักษณะแมวมงคล"

ส่วนที่ 1 ประวัติแมวไทย


ส่วนที่ 2 คือ นิสัยของแมวไทย

ส่่วนนี้พูดถึงว่าลักษณะนิสัยของแมวไทยแต่ละพันธุ์เป็นอย่างไร เช่น มีนิสัยขี้อวดนิดหน่อย เมื่อเวลาจับหนูหรือแมลงได้จะนำมาอวดเจ้านาย และพูดถึงสิ่งที่โดดเด่นของแมวไทย ว่ามีความรอบคอบ และเตรียมพร้อม เมื่อแมวตัวเมียตั้งท้อง มันจะพยายามหาที่ที่ปลอดภัยที่สุด และหาสถานที่ที่เหมาะสมให้กับลูกของมัน

นอกจากนี้ยังพูดถึงความนิยมในการเลี้ยงแมวไทย ว่าได้ไปรุ่งเรืองอยู่ในต่างประเทศ โดยเฉพาะยุโรปกับอเมริกา โดยที่อเมริกามีการพัฒนาสายพันธุ์แมววิเชียรมาศออกไปอีกถึง 8 ชนิด และอื่นๆเกี่ยวกับอาหารของแมว โปรแกรมการเลี้ยงแมว


ส่วนที่ 3 คือ สายพันธุ์ต่างๆของแมวไทย


1. แมววิเชียรมาศ

แมววิเชียรมาศเป็นแมวสายพันธุ์ไทยพันธุ์แรกที่ชาวต่างชาติรู้จัก จากการประกวด เลยก่อให้เกิดกระแสนิยมเลี้ยงแมวไทยในหมูชาวอังกฤษและยุโรปในปัจจุบัน
และอย่างที่กล่าวมาในส่วนที่ 2 คือชาวอเมริกันได้นำแมววิเชียรมาศไปพัฒนาสายพันธุ์ออกมาถึง 8 ชนิด มีอะไรบ้าง ในส่วนนี้ได้บอกไว้หมดเลย
นอกจากนี้ยังบอกถึงลักษณะของแมววิเชียรมาศ และนิสัยของแมวพันธุ์นี้จะมีหัวเป็นรูุปลิ่มหรือสามเหลี่ยมคางจะอยูู่ในแนวเดียวกับจมููกและริมฝีปาก จะไม่ยื่นออกมา ตาจะมีสีฟ้าสดใส เป็นต้น

แมววิเชียรมาศ


แมววิเชียรมาศ
ขอบคุณรูปภาพจาก https://board.postjung.com/833889.html



2. แมวสีสวาด

ในส่วนนี้พูดถึงแมวสีสวาดที่มีถิ่นฐานดั้งเดิมอยู่ที่อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา จึงเป็นที่มาของอีกชื่อเรียกหนึ่งของแมวสีสวาดคือ "แมวโคราช"

และยังเล่าถึงที่มาของชื่อ "แมวโคราช"จากการประกวดแมวไทยที่ท้องสนามหลวง ในปี พ.ศ.2520 และยังมีเรื่องของความเชื่อของคนอีสานที่มีต่อแมวสีสวาด ลักษณะเด่นของแมวสีสวาด


แมวสีสวาด
แมวสีสวาด

ขอบคุณรูปภาพจาก http://www.petvale.com.br/gatos/racas-felinas/korat/


3. แมวขาวมณี

ในส่วนของแมวขาวมณีเป็นแมวไทยที่ยังหลงเหลืออยู่มากในปัจจุบัน ชื่อเรียกของมันอีกชื่อคือ "แมวขาวปลอด" ในส่วนนี้มีการบอกถึงลักษณะสำคัญของแมวขาวมณี ถิ่นกำเนิดและยุคกำเนิดของแมวขาวมณี


แมวขาวมณี
แมวขาวมณี หรือ ขาวปลอด

ขอบคุณรูปภาพจาก http://petmaya.com/cat-twin-sisters-iriss-abyss

4.แมวทองแดง

เรื่องราวของแมวทองแดงตั้งแต่ที่แมวทองแดงปรากฎตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยาแตกครั้งที่ 2 และลักษณะเด่นของแมวทองแดงคือมีรูปร่างสง่า หางยาวเรียว ดวงตามีสีเหลือง ลักษณะนิสัยของมันคือชอบการผจญภััย อิสระเสรี สำหรับเจ้าของแมวพันธุ์นี้จะเป็นแมวที่น่ารักมาก แต่หากเป็นคนแปลกหน้ามันจะค่อนข้างดุมากเลยทีเดีียว

แมวทองแดง
แมวทองแดง

ขอบคุณรูปภาพจาก http://www.infoveto.com/race/burmese/


5.แมวโกญจา

แมวโกญจา มีอีกชื่อเรียกหนึ่งคือ "แมวดำปลอด" มีลักษณะที่น่าเกรงขาม มีลักษณะดีแต่ก็เป็นแมวที่อาภัพเพราะตัวมันเองมีสีดำหมดทั้งตัว ในความเชื่อของคนไทยเชื่อว่าแมวลักษณะแบบนี้เป็นแมวแห่งความโชคร้าย
นอกจากนี้ยังพูดถึงลักษณะเด่นอื่นๆของแมวโกญจา เช่น ลักษณะท่าทางของมันเหมือนกับสิงโต ตามความหมายของ "โกญจา" แปลว่าน่าเกรงขาม และนิสัยของมันอีกด้วย

แมวโกญจา
แมวโกญจา หรือ ดำปลอด

ขอบคุณรูปภาพจาก http://oknation.nationtv.tv/blog/poneag/2012/01/18/entry-4


ส่วนที่ 4 คือลักษณะของแมวตามความเชื่อของคนไทย ที่มีทั้ง "แมวดี และ แมวร้าย"

ลักษณะของแมวดีพันธ์ุไทยแท้ตามตำราหรือสมุดไทยฉบับหอสมุดแห่งชาติ และสมุดของ เจ้าประคุณ สมเด็จพุฒาจารย์(พุทธสรมหาเถระ) อดีตเจ้าอาวาสวัดอนงคาราม ทั้ง 2 ฉบับได้จัดแบ่งแมวที่มีลักษณะดีไว้ 17 ชนิด และแมวที่มีลักษณะร้ายอีก 6 ชนิด ตรงกันดังนี้
1. นิลรัตน์ มีสีดำทั้งตัว รวมถึงเล็บ ลิ้น ฟัน ตา เชื่อกันว่าเลี้ยงไว้จะมีความเจริญ ทรัพย์สินมากและปราศจากภัยอันตราย
2. วิลาศ มีลำตัวสีดำจากคอไปจนตลอดท้อง จากสองหูไปจนตลอดท้อง ตาสีเขียว เชื่อกันว่าหากเลี้ยงไว้จะได้เป็นเจ้าคนนายคน มีเงินทองไหลมาจนร่ำรวย
3. ศุภลักษณ์ หรือ ทองแดง สีทั้งตัวเป็นสีสนิมเหล็ก เชื่อกันว่าเลี้ยงแล้วจะมียศถาบรรดาศักดิ์
4. เก้าแต้ม มีสีขาวเป็นพื้น มีแต้มจุดสีดำที่คอ หัว ต้นขาสี่ขา และที่ท้ายลำตัว รวมเป็นเก้าแต้ม เชื่อกันว่าใครเลี้ยงไว้จะรุ่งเรืองในค้าขาย
5. มาเลศ สีสวาด มีขนสีเทาเหมือนเมฆยามที่ฝนจะตก ตาออกสีเขียวหรือเหลือง เชื่อว่าถ้าเลี้ยงไว้จะมีความสุข และเมตตาหานิยมคือ ผู็อื่นจะเอ็นดูเจ้าของ แมวสีสวาด ซึ่งจะมีความสำคัญอยู๋ในพิธีขอฝนของชาวอีสานเพราะเชื่อว่าเป็นตัวแทนของความอุดมสมบูรน์
6. แซมเสวตร มีขนสีดำแซมด้วสีขาว ขนบางและสั้น รูปร่างเพรียว เชื่อว่าเลี้ยงแล้วเป็นมงคล
7. รัตนกำพล ตัวสีขาวเหมือนหอยสังข์ แต่ที่รอบตัวตรงส่วนอก ตามีสีเหลือง เชื่อว่าเลี้ยงแล้วจะมียศถาบรรดาศักดิ์ มีเดชานุภาพจนคนทั่วไปยำเกรง
8. วิเชียรมาศ จัวสีขาวครีม ปาก หาง เท้าสี่ข้าง และที่หูทั้งสองข้างสีเข้มออกน้ำตาล รวมทัั้งหมดมี 8แห่ง มีตาสีฟ้า แมวชนิดนี้เชื่อว่าจะนำมาซึ่งทรัพย์สมบัติมากมายแก่เจ้าของเป็นแมวไทยพันธ์ุแรกที่ต่างชาติรู้จัก
9. นิลจักร มีลำตัวสีดำสนิท ที่คอมีสีขาวอยู่รอบเหมือนปลอกคอ เชื่อว่าสามารถบันดาลทรัพย์สมบัติให้แก่เจ้าของ
10. มุลิลา ลำตัวสีดำ หูสองข้างมีสีขาว ตามีสีเหลืองเหมือนกับดอกเบญจมาศ เชื่อกันว่าแมวชนิดนี้ไม่เหมาะสำหรับคนทั่วไปเลี้ยง เหมาะแก่นักบวช ช่วยให้เล่าเรียนดีสมปรารถนา
11. กรอบแว่น หรืออานม้า ลักษณะเป็นไปตามชื่อคือ มีปานลักษณะเหมือนอานม้าบนหลัง เชื่อกันว่าแมวชนิดนี้มีราคาแสนตำลึงทองคำ หากใครเลี้ยงไว้จะได้เกียรติยศ
12. ปัดเสวตร หรือ ปัดตลอด ตัวมีสีดำเป็นพื้น ตั้งแต่จมูกไปตามแนวหลังจรดปลายทางสีขาว ตาสีเหลืองคล้ายกับพลอย เชื่อว่าหากเลี้ยงไว้จะมีความเจริญมากกว่าคนในสกุลเดียวกันและได้ยศศักดิ์สูง
13. กระจอก ตัวจริงนั้นไม่กระจอกเหมือนอย่างชื่อ ลำตัวค่อนข้างกลม มีสีดำ รอบปากจะมีสีขาวตาสีเหลือง เชื่อกันว่าถ้าเลี้ยงไว้จะได้ที่ดินไร่นา และเงินทอง ถ้าเป็นไพร่อยู่ก็จะได้เป็นเจ้าคนนายคน
14. สิงหเสพย์ ลำตัวสีดำ ปาก รอบคอ และจมูกมีสีขาว ตามีสีเเหลือง เชื่อว่าถ้าเลี้ยงเอาไว้จะเป็นสิริมงคลกับเจ้าของ
15. การเวก ลำตัวสีดำ จมูกสีขาว ตาจะเป็นประกายสีทอง เชื่อกันขนาดว่าภายใน 7 เดือนที่ได้มาเลี้ยงจะยศศักดิ์และลาภจากเจ้านายเป็นจำนวนมาก
16. จตุบท ตัวสีดำเท้าทั้งสี่สีขาว ตาสีเหลือง เชื่อว่าให้คุณแก่ผู้เลี้ยง
17. โกญจา มีสีดำ ขนละเอียด จาสีเหลือง หางเรียวยาว ลักษณะท่าทางการเดินเหมือนสิงโต เชื่อว่าเลี้ยงไว้จะเป็นมงคล นำมาซึ่งเงินทอง แมวพันธุ์นี้ยังเป็นที่รู้จักในต่างประเทศ แบล็คบอมเบย์
ลักษณะแมวไม่ดี
1. กรอบเพลิง ขอบหลบอยู่ตามยุ่งข้าว เห็นคนแล้วจะวิ่งหนี เชื่อว่าให้โทษแก่ผู้เลี้ยง
2. พรรณพยัคฆ์ หรือแมวลายเสือ มีขนสายเหมือนเสือ ตาสีแดงปนกับสีเผือกต้ม เสียงร้องเหมือนผีโป่งตามป่าเขา นำความโชคร้ายมาสู่เจ้าของ
3. ปีศาจ เพียงแค่ชื่อก็สามารถบ่องบอกได้ว่า แมวชนิดกินลูกตัวเองไม่ว่าจะออกลูกมากี่ตัวขนจะมีลักษณะสากตัวผอมหนังยาน เป็นแมวร้ายอีกชนิดที่ไม่ควรนำมาเลี้ยง
4. แมวหินโทษ แมวชนิดนี้ลูกจะตายตอนที่อยู๋ในท้อง และจะนำภัยพิบัติมาสู่บ้าน
5. ทุพพลเพศ ลำตัวมีสีขาว ตามีสีแดงเหมือนกับเลือด กลางคืนมีนิสัยชอบลักขโมยปลากินนำความทุกข์ร้อนมาให้
6. เหน็บเสนียด ลักษณะเหมือนกับค่าง หางจะหดซ่อนอยู่ใต้ก้นเสมอ มีลักษณะพิกลพิการ เลี้ยงไว้จะเสียชื่อเสียง







แมวไทยมงคล 17 ชนิด

ขอบคุณรูปภาพจาก https://pet.kapook.com/view51597.html


คำสุภาษิตเกี่ยวกับแมว
คนกับแมวอยู๋ด้วยกันมานานจนมีการเปรียบเปรยพฤติกรรมบางอย่างของคนกับแมวเอาไว้เป็นสำนวนโวหาร สิ่งเหล่านี้ล้วนแสดงถึงความผูกพันและวัฒนธรรมการเลี้ยงแมวของคนได้เป็นอย่างดีเช่น
ยื่นหมูยื่นแมว
สำนวนนี้หมายถึง การแลกเปลี่ยนสิ่งของสองอย่างที่มีความสำคัญพอๆ กัน
ที่เท่าแมวดิ้นตาย
สำนวนนี้มาจากเรื่องศรีธนญชัย เกี่ยวกับตลกหลวงเจ้าปัญญาผู็หนึ่ง ที่ทูลขอที่ดินจากกษัตริย์เพียงเท่าแมวดิ้นตาย กษัตริย์ก็ดำริเป็นที่เล็กน้อยจึงพระราขทานให้ แต่ศรีธนญชัยก็เอาแมวผูกกับเชือกแล้ววิ่งไล่ตีแมวไปจนทั่วเมืองได้ที่ดินมากมายได้ที่ดินมากมายมหาศาล เป็นที่ปวกพระเศียรของพระเจ้าแผ่นดินไป เพราะพระเจ้าแผ่นดินเมื่อตรัสออกไปแล้วจะคืนคำไม่ได้ สำนวนนี้แปลตรงตัวก็คือ ที่ดินเล็กน้อยมากๆ นั่นเอง

แมวกับวิถีชีวิตคนไทย
ตั้งแต่สมัยโบราณ แมวได้รับเกียรติสูงมากในสังคมไทยได้เข้าร่วมในพระราชพิธีต่างๆ เช่น
พระราชพิธีเฉลิมพระราชมณเฑียร

นอกจากนี้แมวยังได้เข้าพิธีปูที่นอนในงานมงคลสมรสเจ้าบ่าวและเจ้าสาวสมัยโบราณใช้ แมวสีขาวล้วน แมวลาย หรือแมวสีเทาล้วนประดับด้วยสร้อยทองคำที่คอและข้อเท้า และต้องเป็นแมวคราวคือ ตัวใหญ่กว่าปกติ ซึ่งถือเป็นมงคลกับคู่บ่าวสาววางไว้บนเตียง

สุดท้ายคือ พิธีแห่นางแมวที่หลายคนรู้จักโดยเฉพาะทางภาคอีสานจะมีการนำแมวตัวเมียใส่กรงแห่ไปรอบๆ หมู๋บ้าน อาจจะมีการสาดน้ำใส่แมว เชื่อกันว่าจะทำให้ฝนตก โดยแมวสีสวาดจะรับบทหนักในพิธีที่ว่านี้

เท่าที่ยกตัวอย่างมานั้น อาจกล่าวได้ว่าคนไทยมีวิถีชีวิตที่ผูกพันกับแมวไทยมานับตั้งแต่อดีตกาลแมวเข้าไปมีบทบาทในวิถีชีวิตจองคนไทยสมัยก่อนอย่างที่เรียกได้ว่าแนบแน่นมาก จากที่ปารกฏในสมุด หรือความเชื่อในชีวิตประจำวันของคนไทยในแทบทุกเรื่อง ตั้งแต่เรื่องการทำมาหากิน พระราชพิธี หรือแม้แต่การแต่งงาน

แมวไทยกับกระแสแห่งยุคสมัย

ปัจจุบันนั้นแมวไทยอยู๋ในสถานการณ์น่าเป็นห่วงเนื่องจากปัจจุบันที่มีแมวไทยเหลืออยู๋เพียง 5 สายพันธ์ุณ ปัจจุบันไม่นับรวมแมวโกญจาที่สูญหายไปเพราะคนไทยไม่ชอบแมวดำ ทำให้ในปัจจุบันแทบจะหาไม่ได้อีกแล้ว 
ที่เพิ่มขึ้นก็คือ คนไทยเกิดความนิยมในแมวต่างประเทศมากว่าแมวในประเทศไทย จึงทำให้ปัจจุบันจะเห็นได้ว่ามีแมวต่างประเทศอยู่ตามบ้านช่องอย่างเป็นที่นิยม ซึ่งแมวไทยนั้นเป็นแมวพันธุ์เก่าแก่ที่สุดของโลก สือเชื้อมาจากแมวอียิปต์โดยตรง ซึ่งยังหลงเหลืออยู่จนถึงยุคปัจจุบันเพียงสายพันธ์ุเดียว


ส่วนที่ 5 คือ บรรพบุรุษของแมวที่อียิปต์

   ในยุคสมัยอาณาจักรอียิปต์โบราณ สัตว์แทบทุกชนิดล้วนมีความเกี่ยวพันกับเทพเจ้าหรือเทพีในฐานะสื่อกลางระหว่างมนุษย์กับเทพเจ้า มีการใช้สัตว์บวงสรวงเพื่อให้เทพเจ้าคุ้มครองมนุษย์จากภูตผีปีศาจและสิ่งชั่วร้ายต่าง ๆ สัตว์บางชนิดได้กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งพลังทางธรรมชาติ ในขณะที่สัตว์บางชนิดได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของปีศาจที่ชั่วร้าย วิหารเทวีไอซิสที่ฟิเล นักบวชประจำวิหารได้เลี้ยงแมวไว้เป็นจำนวนมาก เพราะแมวถือเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ของเทวีไอซิส (มเหสีของเทพเจ้าโอซิริส-เทพเจ้าที่ชาวอียิปต์ให้ความเคารพบูชามากที่สุด)

   เทพีของอียิปต์ที่มีความเกี่ยวข้องกับแมวโดยตรง คือ เทพีบาสเซ็ท (BASTET) เทพประจำนครบูบาสติส เมืองเก่าแก่ตั้งแต่ยุคอียิปต์โบราณ ทรงเป็นสัญลักษณ์แห่งความรักความอุดมสมบูรณ์ ความมั่งคั่ง ความปิติยินดี นอกจากนี้ยังเป็นเทพผู้พิทักษ์ของสตรี มารดา รวมถึงแมวอีกด้วย เทพีบาสเซ็ทมักปรากฏบนภาพเขียนฝาผนังเป็นรูปสตรีที่มีศีรษะเป็นหัวแมวมือข้างหนึ่งถือซีสทรัม เครื่องดนตรีโบราณชนิดหนึ่งของอียิปต์ที่ใช้ในการประกอบพิธี หรืออาจปรากฏในรูปแมวเต็มตัวก็ได้ ความสำคัญของเทพีบาสเซ็ทได้มาถึงจุดสูงสุดเมื่อราว 945 ปีก่อนคริสตกาล เมื่อนครบูบาสติสได้รับการยกฐานะขึ้นเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรอียิปต์ ทำให้เทพีบาสเซ็ทซึ่งเป็นเทพประจำนครมาแต่เดิมมีสถานะกลายเป็นเทพสูงสุดของทั้งอาณาจักรไปด้วย


  วิหารของเทพีบาสเซ็ทตั้งอยู่ที่เมืองบูบาสติส ซึ่งปัจจุบันเรียกว่า เทล-บาสตา ก่อสร้างด้วยหินแกรนิตสีแดงตั้งอยู่ภายในหุบเขาปัจจุบันเหลือเพียงสภาพปรักหักฟังเท่านั้นในสมัยอียิปต์โบราณนั้นให้ความสำคัญกับแมวมากจนเรียกได้ว่ามีสถานะกึ่งเทพเลยทีเดียวหากใครทำร้ายแมวไม่ว่าจงใจหรือด้วยอุบัติเหตุจะถูกลงโทษถึงตาย และหากบ้านใดมีแมวตายสมาชิกทุกคนในบ้านจะต้องไว้ทุกข์ด้วยการโกนคิ้วของตัวเองออก นำซากของแมวไปทำมัมมี่แล้วนำไปฝังไว้ในสุสานใกล้วิหารเทพีบาสเซ็ทที่เมืองบูบาสติส การขุดค้นทางโบราณคดีพบว่าที่นี่เป็นสุสานแมวที่ใหญ่ที่สุด มีกองกระดูกแมวทับถมเป็นภูเขาและกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณ ปะปนอยู่กับหน้ากากแมวที่ใช้สำหรับตกแต่งมัมมี่เศษผ้าลินิน รวมถึงเทวรูปแมวที่ชำรุดจำนวนมาก

  ชาวอียิปต์โบราณนั้นเรียกแมวว่า "มิว" หรือ "เมียว" ซึ่งเลียนมาจากเสียงร้องของแมว ความนิยมในการเลี้ยงแมวอย่างแพร่หลายของชาวอียิปต์น่าจะมาจากความสามารถในการกำจัดหนูและสัตว์รบกวนที่คอยทำลายพืชผลทางการเกษตร แมวช่วยควบคุมปริมาณหนู ช่วยลดการแพร่เชื้อกาฬโรคซึ่งเป็นโรคระบาดสำคัญในยุคนั้น นับเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้อียิปต์ สามารถแผ่ขยายอาณาจักรออกไปได้กว้างใหญ่นับเป็นเวลาหลายพันปี

ส่วนที่ 6 คือการพูดคุยสัมภาษณ์กับคนรักแมว


ชมรมคนรักแมวสยาม เป็นชมรมคนรักแมวสายพันธ์ุไทย ปัจจุบันมีคุณอารีย์ทำหน้าที่รองประธานชมรม เพื่อส่งเสริมการเลี้ยงแมวไทย ระหว่างผู้ที่สนใจเพื่ออนุรักษ์ไว้เป็นเอกลักษณ์ของชาติ
คุณอารีย์ อยู่บำรุง กล่างถึงแมวไทยไว้ว่า
"ปัจจุบันแมวไทยเหลืออยู่ 5 ชนิด ผมมี4 ชนิด แมวที่ผมไม่มีคือโกญจา ซึ่งสีดำ เลี้ยงไว้ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะคนไทยถือเรื่องแมวดำ เราเองก็รับภาระไม่ไหวแมวกินทุกวันคนไทยแมวดำให้ฟรียังไม่เอาเลย จะเพาะเลี้ยงขยายก็ไม่ได้เลยต้องหยุดไป
ภูมิใจที่อนุรักษ์สมบัติของคนไทยให้ต่างชาติได้รับรู้ สมัยโบราณต่างชาติรู้จักแมว กับแฝดสยาม ตอนนี้ก็เหลือแต่แมวสยามที่เชิดหน้าชูตาได้ หากพัฒนาสายพันธ์ุโดยเฉพาะแมวโคราชเชิดหน้าชูตากว่าเรามากอยากให้คนไทยสนับสนุนแมวไทย"
คุณลุงปรีชา พุคคะบุตร เจ้าของบ้านอนุรักษ์แมวไทย กล่าวถึงแมวไทยไว้ว่า
ผมประทับใจแมวไทยเดินไปไหนมาไหนมันก็จะตามไป บางครั้งกลับมาบ้านก็มานั่งรอ แต่ถ้าไม่ใช่เจ้าของจะไม่มีทางมานั่งรอเด็ดขาด เขาจำเสียงฝีเท้าเราได้ด้วยซ้ำ กลัวแต่ว่าถ้าผมตายไปแล้วไม่มีใครจะมาทำต่อ อยากให้เลี้ยงกันเยอะๆ อาจจะสวยกว่าแมวไทยในอดีตก็เป็นได้


ปัจจุบันที่เลี้ยงไว้ก็เพื่อเผยแพร่และอนุรักษ์ให้แก่ลูกหลานได้เห็นเคยมีคนเสนอให้เก็บเงินค่าเช้าชมเพื่อแก้ปัญหาเรื่องค่าใช้จ่าย แต่ถ้าผมทำก็กลายเป็นธุรกิจผมไม่ได้มีจุดประสงค์นั้น ผมทำเพื่ออนุรักษ์อย่างเดียว สำหรับผมแล้วแมวเหมือนเพื่อน คงเป็นนิสัยที่ติดตัวมาตั้งแต่เด็ก



เนื้อหาของคอลัมน์แมวไทยในหนังสือบ่งบอกถึงแมวสายพันธุ์ที่มีกำลังจะหายและสูญพันธุ์ไปในอนาคตเพราะปัจจุบันคนไทยมักจะนิยมแมวจากต่างประเทศเข้ามาเลี้ยงตามกระแสแฟชั่น ซึ่งปัจจุบันก็มีคนที่อนุรักษ์แมวสายพันธุ์อยู่แกเป็นกลุ่มจำนวนน้อยมากในปัจจุบัน หนังสือ Advanced Thailand Geographic ตอนแมวไทยจึงมานำเสนอชีวะประวัติของแมวไทยตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบันความเชื่อต่างๆของคนไทยเกี่ยวกับแมวสายพันธุ์ไทยอย่างครบถ้วน จึงเหมาะสมกับผู้ที่มีความประสงค์ที่ชื่นชอบแมวไทยและกำลังที่ต้องการศึกษาเรื่องประวัติความเป็นมาและการอนุรักษ์แมวไทย และทำให้รู้ถึึงลักษณะและนิสัยของแมวไทยแต่ละสายพันธุ์ เพื่อทาสแมวอย่างเราก็ควรศึกษาไว้ เพื่อปฎิบัััติต่อเจ้านายของเรา
นอกจากนี้คอลัมน์นี้ ยังส่งเสริมให้คนไทย อนุรักษ์แมวสายพันธุ์ไทย มีความรักต่อสัตว์โลกมากขึ้นด้วย



เป็นยังไงบ้างจ๊ะทาสแมวทั้งหลาย หวังว่าคอลัมน์แมวไทย ในหนังสือนิตยสารรายเดือน Advanced Thailand Geographic จะให้ความรู้และประโยชน์ต่อทุกคน ขอบคุณที่ติดตามเรา




สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์
รีวิวหนังสือแอดวานซ์ไทยแลนด์จีโอกราฟฟิค โดย วรวัชช์ อนุญาตให้ใช้ได้ตาม สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น