แอดวานซ์ไทยแลนด์จีโอกราฟฟิค เป็นนิตยสารรายเดือน ที่เสนอสาระและความบันเทิงเพลิดเพลิน ด้านการท่องเที่ยวในเชิงอนุรักษ์ , ความเข้าใจใจธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม , ความหลากหลายทางชีวภาพและศิลปวัฒนธรรม ตลอดจนวีถีชีวิตของผู้คนในแง่มุมที่น่าสนใจ
เรื่อง โดย สุเจน กรรพฤทธิ์
ภาพ โดย เจษฎา กมลเนตรสวัสดิ์
คอลัมน์"แมวไทย" จาก แอดวานซ์ไทยแลนด์จีโอกราฟฟิค ฉบับที่ 75 พ.ศ.2547
หน้าปกหนังสือ แอดวานซ์ไทยแลนด์จีโอกราฟฟิค
วันนี้ผู้เขียนจึงขอนำเสนอหนังสือนิตยสารรายเดือน แอดวานซ์ไทยแลนด์จีโอกราฟฟิค สาเหตุที่เลือกหนังสือเล่มนี้เป็นเพราะมีคอลัมน์ต่างๆที่เกี่ยวกับสัตว์โลกและสิ่งแวดล้อม และแน่นอนว่ายังมีคอลัมน์ที่เกี่ยวกับแมว เพื่อให้ความรู้เรื่องแมวกับมือใหม่หัดเป็นทาสแมว ได้รู้จักแมวไทยมากขึ้นอีกด้วย
คอลัมน์นี้ชื่อว่า "แมวไทย"
คอลัมน์นี้แบ่งออกเป็น 6 ส่วนใหญ่ๆ
ส่วนที่ 1 คือเกริ่นนำเรื่องเกี่ยวกับแมวไทย ประวัติแมวไทย
ผู้เขียนคอลัมน์นี้เพราะเขาได้กลับไปต่างจังหวัดเพื่อพบกับคุณย่าของเขา คุณย่าเลี้ยงแมวอยู่หนึ่งตัว เขาเชื่อว่ามันเป็น แมวสีสวาด ที่มีชื่อเสียงโด่งดังของไทย จากโคราช แต่ต่อมาถึงรู้ว่าเขาจำชนิดของแมวผิด จริงๆแล้วนั่นคือ แมววิเชียรมาศ เขาจึงคิดว่าจริงๆแล้วเขารู้จักกับสายพันธุ์แมวไทยน้อยมาก...
ในตอนต้นของคอลัมน์ได้พูดถึง "ประวัติความเป็นมาของแมวไทย"
พูดถึงสมมุติฐานที่ว่าแมวมาจากอิยิปต์ที่ติดมากับเรือสินค้าเมื่อหลายพันปีก่อนคริสตกาล และแพร่พันธุ์ไปจนเป็นแมวไทยหลายสี นอกจากพูดถึงประวัติของแมวไทยแล้ว ยังพูดถึง "ความเชื่อของคนไทยเกี่ยวกับแมวแต่ละสายพันธุ์" ที่เรียกว่า "ตำราดูลักษณะแมวมงคล"
![]() |
ส่วนที่ 1 ประวัติแมวไทย |
ส่วนที่ 2 คือ นิสัยของแมวไทย
ส่่วนนี้พูดถึงว่าลักษณะนิสัยของแมวไทยแต่ละพันธุ์เป็นอย่างไร เช่น มีนิสัยขี้อวดนิดหน่อย เมื่อเวลาจับหนูหรือแมลงได้จะนำมาอวดเจ้านาย และพูดถึงสิ่งที่โดดเด่นของแมวไทย ว่ามีความรอบคอบ และเตรียมพร้อม เมื่อแมวตัวเมียตั้งท้อง มันจะพยายามหาที่ที่ปลอดภัยที่สุด และหาสถานที่ที่เหมาะสมให้กับลูกของมัน
นอกจากนี้ยังพูดถึงความนิยมในการเลี้ยงแมวไทย ว่าได้ไปรุ่งเรืองอยู่ในต่างประเทศ โดยเฉพาะยุโรปกับอเมริกา โดยที่อเมริกามีการพัฒนาสายพันธุ์แมววิเชียรมาศออกไปอีกถึง 8 ชนิด และอื่นๆเกี่ยวกับอาหารของแมว โปรแกรมการเลี้ยงแมว
ส่วนที่ 3 คือ สายพันธุ์ต่างๆของแมวไทย
1. แมววิเชียรมาศ
แมววิเชียรมาศเป็นแมวสายพันธุ์ไทยพันธุ์แรกที่ชาวต่างชาติรู้จัก จากการประกวด เลยก่อให้เกิดกระแสนิยมเลี้ยงแมวไทยในหมูชาวอังกฤษและยุโรปในปัจจุบัน
และอย่างที่กล่าวมาในส่วนที่ 2 คือชาวอเมริกันได้นำแมววิเชียรมาศไปพัฒนาสายพันธุ์ออกมาถึง 8 ชนิด มีอะไรบ้าง ในส่วนนี้ได้บอกไว้หมดเลย
นอกจากนี้ยังบอกถึงลักษณะของแมววิเชียรมาศ และนิสัยของแมวพันธุ์นี้จะมีหัวเป็นรูุปลิ่มหรือสามเหลี่ยมคางจะอยูู่ในแนวเดียวกับจมููกและริมฝีปาก จะไม่ยื่นออกมา ตาจะมีสีฟ้าสดใส เป็นต้น
![]() |
แมววิเชียรมาศ |
![]() |
แมววิเชียรมาศ ขอบคุณรูปภาพจาก https://board.postjung.com/833889.html |
2. แมวสีสวาด
ในส่วนนี้พูดถึงแมวสีสวาดที่มีถิ่นฐานดั้งเดิมอยู่ที่อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา จึงเป็นที่มาของอีกชื่อเรียกหนึ่งของแมวสีสวาดคือ "แมวโคราช"
และยังเล่าถึงที่มาของชื่อ "แมวโคราช"จากการประกวดแมวไทยที่ท้องสนามหลวง ในปี พ.ศ.2520 และยังมีเรื่องของความเชื่อของคนอีสานที่มีต่อแมวสีสวาด ลักษณะเด่นของแมวสีสวาด
![]() |
แมวสีสวาด |
![]() |
แมวสีสวาด ขอบคุณรูปภาพจาก http://www.petvale.com.br/gatos/racas-felinas/korat/ |
3. แมวขาวมณี
ในส่วนของแมวขาวมณีเป็นแมวไทยที่ยังหลงเหลืออยู่มากในปัจจุบัน ชื่อเรียกของมันอีกชื่อคือ "แมวขาวปลอด" ในส่วนนี้มีการบอกถึงลักษณะสำคัญของแมวขาวมณี ถิ่นกำเนิดและยุคกำเนิดของแมวขาวมณี
![]() |
แมวขาวมณี |
![]() |
แมวขาวมณี หรือ ขาวปลอด ขอบคุณรูปภาพจาก http://petmaya.com/cat-twin-sisters-iriss-abyss |
4.แมวทองแดง
เรื่องราวของแมวทองแดงตั้งแต่ที่แมวทองแดงปรากฎตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยาแตกครั้งที่ 2 และลักษณะเด่นของแมวทองแดงคือมีรูปร่างสง่า หางยาวเรียว ดวงตามีสีเหลือง ลักษณะนิสัยของมันคือชอบการผจญภััย อิสระเสรี สำหรับเจ้าของแมวพันธุ์นี้จะเป็นแมวที่น่ารักมาก แต่หากเป็นคนแปลกหน้ามันจะค่อนข้างดุมากเลยทีเดีียว
![]() |
แมวทองแดง |
![]() |
แมวทองแดง ขอบคุณรูปภาพจาก http://www.infoveto.com/race/burmese/ |
5.แมวโกญจา
แมวโกญจา มีอีกชื่อเรียกหนึ่งคือ "แมวดำปลอด" มีลักษณะที่น่าเกรงขาม มีลักษณะดีแต่ก็เป็นแมวที่อาภัพเพราะตัวมันเองมีสีดำหมดทั้งตัว ในความเชื่อของคนไทยเชื่อว่าแมวลักษณะแบบนี้เป็นแมวแห่งความโชคร้าย
นอกจากนี้ยังพูดถึงลักษณะเด่นอื่นๆของแมวโกญจา เช่น ลักษณะท่าทางของมันเหมือนกับสิงโต ตามความหมายของ "โกญจา" แปลว่าน่าเกรงขาม และนิสัยของมันอีกด้วย
![]() |
แมวโกญจา |
![]() |
แมวโกญจา หรือ ดำปลอด ขอบคุณรูปภาพจาก http://oknation.nationtv.tv/blog/poneag/2012/01/18/entry-4 |
ส่วนที่ 4 คือลักษณะของแมวตามความเชื่อของคนไทย ที่มีทั้ง "แมวดี และ แมวร้าย"
คำสุภาษิตเกี่ยวกับแมว
คนกับแมวอยู๋ด้วยกันมานานจนมีการเปรียบเปรยพฤติกรรมบางอย่างของคนกับแมวเอาไว้เป็นสำนวนโวหาร สิ่งเหล่านี้ล้วนแสดงถึงความผูกพันและวัฒนธรรมการเลี้ยงแมวของคนได้เป็นอย่างดีเช่น
ยื่นหมูยื่นแมว
สำนวนนี้หมายถึง การแลกเปลี่ยนสิ่งของสองอย่างที่มีความสำคัญพอๆ กัน
ที่เท่าแมวดิ้นตาย
สำนวนนี้มาจากเรื่องศรีธนญชัย เกี่ยวกับตลกหลวงเจ้าปัญญาผู็หนึ่ง ที่ทูลขอที่ดินจากกษัตริย์เพียงเท่าแมวดิ้นตาย กษัตริย์ก็ดำริเป็นที่เล็กน้อยจึงพระราขทานให้ แต่ศรีธนญชัยก็เอาแมวผูกกับเชือกแล้ววิ่งไล่ตีแมวไปจนทั่วเมืองได้ที่ดินมากมายได้ที่ดินมากมายมหาศาล เป็นที่ปวกพระเศียรของพระเจ้าแผ่นดินไป เพราะพระเจ้าแผ่นดินเมื่อตรัสออกไปแล้วจะคืนคำไม่ได้ สำนวนนี้แปลตรงตัวก็คือ ที่ดินเล็กน้อยมากๆ นั่นเอง
แมวกับวิถีชีวิตคนไทย
ตั้งแต่สมัยโบราณ แมวได้รับเกียรติสูงมากในสังคมไทยได้เข้าร่วมในพระราชพิธีต่างๆ เช่น
พระราชพิธีเฉลิมพระราชมณเฑียร
นอกจากนี้แมวยังได้เข้าพิธีปูที่นอนในงานมงคลสมรสเจ้าบ่าวและเจ้าสาวสมัยโบราณใช้ แมวสีขาวล้วน แมวลาย หรือแมวสีเทาล้วนประดับด้วยสร้อยทองคำที่คอและข้อเท้า และต้องเป็นแมวคราวคือ ตัวใหญ่กว่าปกติ ซึ่งถือเป็นมงคลกับคู่บ่าวสาววางไว้บนเตียง
สุดท้ายคือ พิธีแห่นางแมวที่หลายคนรู้จักโดยเฉพาะทางภาคอีสานจะมีการนำแมวตัวเมียใส่กรงแห่ไปรอบๆ หมู๋บ้าน อาจจะมีการสาดน้ำใส่แมว เชื่อกันว่าจะทำให้ฝนตก โดยแมวสีสวาดจะรับบทหนักในพิธีที่ว่านี้
เท่าที่ยกตัวอย่างมานั้น อาจกล่าวได้ว่าคนไทยมีวิถีชีวิตที่ผูกพันกับแมวไทยมานับตั้งแต่อดีตกาลแมวเข้าไปมีบทบาทในวิถีชีวิตจองคนไทยสมัยก่อนอย่างที่เรียกได้ว่าแนบแน่นมาก จากที่ปารกฏในสมุด หรือความเชื่อในชีวิตประจำวันของคนไทยในแทบทุกเรื่อง ตั้งแต่เรื่องการทำมาหากิน พระราชพิธี หรือแม้แต่การแต่งงาน
แมวไทยกับกระแสแห่งยุคสมัย
ปัจจุบันนั้นแมวไทยอยู๋ในสถานการณ์น่าเป็นห่วงเนื่องจากปัจจุบันที่มีแมวไทยเหลืออยู๋เพียง 5 สายพันธ์ุณ ปัจจุบันไม่นับรวมแมวโกญจาที่สูญหายไปเพราะคนไทยไม่ชอบแมวดำ ทำให้ในปัจจุบันแทบจะหาไม่ได้อีกแล้ว
ที่เพิ่มขึ้นก็คือ คนไทยเกิดความนิยมในแมวต่างประเทศมากว่าแมวในประเทศไทย จึงทำให้ปัจจุบันจะเห็นได้ว่ามีแมวต่างประเทศอยู่ตามบ้านช่องอย่างเป็นที่นิยม ซึ่งแมวไทยนั้นเป็นแมวพันธุ์เก่าแก่ที่สุดของโลก สือเชื้อมาจากแมวอียิปต์โดยตรง ซึ่งยังหลงเหลืออยู่จนถึงยุคปัจจุบันเพียงสายพันธ์ุเดียว
ส่วนที่ 5 คือ บรรพบุรุษของแมวที่อียิปต์
ในยุคสมัยอาณาจักรอียิปต์โบราณ สัตว์แทบทุกชนิดล้วนมีความเกี่ยวพันกับเทพเจ้าหรือเทพีในฐานะสื่อกลางระหว่างมนุษย์กับเทพเจ้า มีการใช้สัตว์บวงสรวงเพื่อให้เทพเจ้าคุ้มครองมนุษย์จากภูตผีปีศาจและสิ่งชั่วร้ายต่าง ๆ สัตว์บางชนิดได้กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งพลังทางธรรมชาติ ในขณะที่สัตว์บางชนิดได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของปีศาจที่ชั่วร้าย วิหารเทวีไอซิสที่ฟิเล นักบวชประจำวิหารได้เลี้ยงแมวไว้เป็นจำนวนมาก เพราะแมวถือเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ของเทวีไอซิส (มเหสีของเทพเจ้าโอซิริส-เทพเจ้าที่ชาวอียิปต์ให้ความเคารพบูชามากที่สุด)
เทพีของอียิปต์ที่มีความเกี่ยวข้องกับแมวโดยตรง คือ เทพีบาสเซ็ท (BASTET) เทพประจำนครบูบาสติส เมืองเก่าแก่ตั้งแต่ยุคอียิปต์โบราณ ทรงเป็นสัญลักษณ์แห่งความรักความอุดมสมบูรณ์ ความมั่งคั่ง ความปิติยินดี นอกจากนี้ยังเป็นเทพผู้พิทักษ์ของสตรี มารดา รวมถึงแมวอีกด้วย เทพีบาสเซ็ทมักปรากฏบนภาพเขียนฝาผนังเป็นรูปสตรีที่มีศีรษะเป็นหัวแมวมือข้างหนึ่งถือซีสทรัม เครื่องดนตรีโบราณชนิดหนึ่งของอียิปต์ที่ใช้ในการประกอบพิธี หรืออาจปรากฏในรูปแมวเต็มตัวก็ได้ ความสำคัญของเทพีบาสเซ็ทได้มาถึงจุดสูงสุดเมื่อราว 945 ปีก่อนคริสตกาล เมื่อนครบูบาสติสได้รับการยกฐานะขึ้นเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรอียิปต์ ทำให้เทพีบาสเซ็ทซึ่งเป็นเทพประจำนครมาแต่เดิมมีสถานะกลายเป็นเทพสูงสุดของทั้งอาณาจักรไปด้วย
วิหารของเทพีบาสเซ็ทตั้งอยู่ที่เมืองบูบาสติส ซึ่งปัจจุบันเรียกว่า เทล-บาสตา ก่อสร้างด้วยหินแกรนิตสีแดงตั้งอยู่ภายในหุบเขาปัจจุบันเหลือเพียงสภาพปรักหักฟังเท่านั้นในสมัยอียิปต์โบราณนั้นให้ความสำคัญกับแมวมากจนเรียกได้ว่ามีสถานะกึ่งเทพเลยทีเดียวหากใครทำร้ายแมวไม่ว่าจงใจหรือด้วยอุบัติเหตุจะถูกลงโทษถึงตาย และหากบ้านใดมีแมวตายสมาชิกทุกคนในบ้านจะต้องไว้ทุกข์ด้วยการโกนคิ้วของตัวเองออก นำซากของแมวไปทำมัมมี่แล้วนำไปฝังไว้ในสุสานใกล้วิหารเทพีบาสเซ็ทที่เมืองบูบาสติส การขุดค้นทางโบราณคดีพบว่าที่นี่เป็นสุสานแมวที่ใหญ่ที่สุด มีกองกระดูกแมวทับถมเป็นภูเขาและกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณ ปะปนอยู่กับหน้ากากแมวที่ใช้สำหรับตกแต่งมัมมี่เศษผ้าลินิน รวมถึงเทวรูปแมวที่ชำรุดจำนวนมาก
ชาวอียิปต์โบราณนั้นเรียกแมวว่า "มิว" หรือ "เมียว" ซึ่งเลียนมาจากเสียงร้องของแมว ความนิยมในการเลี้ยงแมวอย่างแพร่หลายของชาวอียิปต์น่าจะมาจากความสามารถในการกำจัดหนูและสัตว์รบกวนที่คอยทำลายพืชผลทางการเกษตร แมวช่วยควบคุมปริมาณหนู ช่วยลดการแพร่เชื้อกาฬโรคซึ่งเป็นโรคระบาดสำคัญในยุคนั้น นับเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้อียิปต์ สามารถแผ่ขยายอาณาจักรออกไปได้กว้างใหญ่นับเป็นเวลาหลายพันปี
ชาวอียิปต์โบราณนั้นเรียกแมวว่า "มิว" หรือ "เมียว" ซึ่งเลียนมาจากเสียงร้องของแมว ความนิยมในการเลี้ยงแมวอย่างแพร่หลายของชาวอียิปต์น่าจะมาจากความสามารถในการกำจัดหนูและสัตว์รบกวนที่คอยทำลายพืชผลทางการเกษตร แมวช่วยควบคุมปริมาณหนู ช่วยลดการแพร่เชื้อกาฬโรคซึ่งเป็นโรคระบาดสำคัญในยุคนั้น นับเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้อียิปต์ สามารถแผ่ขยายอาณาจักรออกไปได้กว้างใหญ่นับเป็นเวลาหลายพันปี
ส่วนที่ 6 คือการพูดคุยสัมภาษณ์กับคนรักแมว
ชมรมคนรักแมวสยาม เป็นชมรมคนรักแมวสายพันธ์ุไทย ปัจจุบันมีคุณอารีย์ทำหน้าที่รองประธานชมรม เพื่อส่งเสริมการเลี้ยงแมวไทย ระหว่างผู้ที่สนใจเพื่ออนุรักษ์ไว้เป็นเอกลักษณ์ของชาติ
คุณอารีย์ อยู่บำรุง กล่างถึงแมวไทยไว้ว่า
"ปัจจุบันแมวไทยเหลืออยู่ 5 ชนิด ผมมี4 ชนิด แมวที่ผมไม่มีคือโกญจา ซึ่งสีดำ เลี้ยงไว้ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะคนไทยถือเรื่องแมวดำ เราเองก็รับภาระไม่ไหวแมวกินทุกวันคนไทยแมวดำให้ฟรียังไม่เอาเลย จะเพาะเลี้ยงขยายก็ไม่ได้เลยต้องหยุดไป
ภูมิใจที่อนุรักษ์สมบัติของคนไทยให้ต่างชาติได้รับรู้ สมัยโบราณต่างชาติรู้จักแมว กับแฝดสยาม ตอนนี้ก็เหลือแต่แมวสยามที่เชิดหน้าชูตาได้ หากพัฒนาสายพันธ์ุโดยเฉพาะแมวโคราชเชิดหน้าชูตากว่าเรามากอยากให้คนไทยสนับสนุนแมวไทย"
คุณลุงปรีชา พุคคะบุตร เจ้าของบ้านอนุรักษ์แมวไทย กล่าวถึงแมวไทยไว้ว่า
ผมประทับใจแมวไทยเดินไปไหนมาไหนมันก็จะตามไป บางครั้งกลับมาบ้านก็มานั่งรอ แต่ถ้าไม่ใช่เจ้าของจะไม่มีทางมานั่งรอเด็ดขาด เขาจำเสียงฝีเท้าเราได้ด้วยซ้ำ กลัวแต่ว่าถ้าผมตายไปแล้วไม่มีใครจะมาทำต่อ อยากให้เลี้ยงกันเยอะๆ อาจจะสวยกว่าแมวไทยในอดีตก็เป็นได้
ปัจจุบันที่เลี้ยงไว้ก็เพื่อเผยแพร่และอนุรักษ์ให้แก่ลูกหลานได้เห็นเคยมีคนเสนอให้เก็บเงินค่าเช้าชมเพื่อแก้ปัญหาเรื่องค่าใช้จ่าย แต่ถ้าผมทำก็กลายเป็นธุรกิจผมไม่ได้มีจุดประสงค์นั้น ผมทำเพื่ออนุรักษ์อย่างเดียว สำหรับผมแล้วแมวเหมือนเพื่อน คงเป็นนิสัยที่ติดตัวมาตั้งแต่เด็ก
เนื้อหาของคอลัมน์แมวไทยในหนังสือบ่งบอกถึงแมวสายพันธุ์ที่มีกำลังจะหายและสูญพันธุ์ไปในอนาคตเพราะปัจจุบันคนไทยมักจะนิยมแมวจากต่างประเทศเข้ามาเลี้ยงตามกระแสแฟชั่น ซึ่งปัจจุบันก็มีคนที่อนุรักษ์แมวสายพันธุ์อยู่แกเป็นกลุ่มจำนวนน้อยมากในปัจจุบัน หนังสือ Advanced Thailand Geographic ตอนแมวไทยจึงมานำเสนอชีวะประวัติของแมวไทยตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบันความเชื่อต่างๆของคนไทยเกี่ยวกับแมวสายพันธุ์ไทยอย่างครบถ้วน จึงเหมาะสมกับผู้ที่มีความประสงค์ที่ชื่นชอบแมวไทยและกำลังที่ต้องการศึกษาเรื่องประวัติความเป็นมาและการอนุรักษ์แมวไทย และทำให้รู้ถึึงลักษณะและนิสัยของแมวไทยแต่ละสายพันธุ์ เพื่อทาสแมวอย่างเราก็ควรศึกษาไว้ เพื่อปฎิบัััติต่อเจ้านายของเรา
นอกจากนี้คอลัมน์นี้ ยังส่งเสริมให้คนไทย อนุรักษ์แมวสายพันธุ์ไทย มีความรักต่อสัตว์โลกมากขึ้นด้วย
เป็นยังไงบ้างจ๊ะทาสแมวทั้งหลาย หวังว่าคอลัมน์แมวไทย ในหนังสือนิตยสารรายเดือน Advanced Thailand Geographic จะให้ความรู้และประโยชน์ต่อทุกคน ขอบคุณที่ติดตามเรา

รีวิวหนังสือแอดวานซ์ไทยแลนด์จีโอกราฟฟิค โดย วรวัชช์ อนุญาตให้ใช้ได้ตาม สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น